ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยด้านภาพถ่าย ทำให้การถ่ายภาพและกล้องถ่ายรูปเดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยาก เรื่องใหญ่แต่อย่างใด กล้องเดี๋ยวนี้ราคาไม่เท่าไรพอซื้อหากันได้ เหตุผลนี้เองทำให้กิจกรรมการถ่ายรูป คนชอบถ่ายรูปมีมากขึ้นตามไปด้วย หนึ่งในอุปกรณ์ที่ต้องมีนั่นคือเลนส์ไวด์ ว่าแต่เราจะเลือกซื้อเลนส์ไวด์ไหนดี Tokina At-X pro 12-28mm ตัวแรกไปดูเลนส์มุมกว้างจากค่าย Nikon ตัวนี้เราขอแนะนำเลยสำหรับมือใหม่หัดเล่นกล้องที่จะหัดเล่นเลนส์ไวด์ ข้อดีของรุ่นนี้มีโฟกัสสูงสุด 28 mm ข้อดีทำให้เราสามารถถ่ายรูปแลนด์สเคปออกมาได้ดี บวกกับความสามารถพื้นฐานที่ถ่ายงานแบบอื่นด้วย แต่ข้อเสียตัวเลขค่า F น้อยไปหน่อยทำให้การถ่ายรูปในที่สภาพแสงน้อย ถึงน้อยมาก อาจจะทำให้ได้ภาพที่ไม่สวยงามเท่าไรนัก Samyang AF14mm เลนส์ตัวที่สองแบรนด์อย่าง Samyang ดูจะไม่ค่อยคุ้นหูบ้านเราสักเท่าไรเนื่องจากเป็นแบรนด์สัญชาติเกาหลี หากเรามองข้ามเรื่องแบรนด์ไปคุณภาพก็ถือว่าใช้ได้อยู่เหมือนกัน มาดูข้อดีบ้างเลนส์ไวด์ตัวนี้มีระบบออโต้โฟกัสรวดเร็ว แม่นยำ น่าจะเหมาะกับมือใหม่อย่างมาก อีกจุดหนึ่งเป็นเรื่องรูรับแสงกว้างเชียว 2.8 เลยทำให้เราถ่ายรูปในสภาพแสงน้อย หรือ ตอนกลางคืนออกมาได้ดี แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันภาพก็คมชัด ส่วนข้อเสียเป็นเรื่องภาพมุมกว้างไม่กว้างตามต้องการ Canon EF-S แคนนอน แบรนด์ยอดนิยมสำหรับคนเล่นกล้องตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพ แถมตัวนี้ราคาไม่ถึงหมื่นด้วยน่าจะพอสอยกันได้อย่างไม่ยากนัก แคนนอนตัวนี้มาพร้อมสรรพคุณครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันการสั่นไหวช่วยให้ถ่ายภาพได้ชัดแบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง เลนส์น้ำหนักเบา พกพาสะดวก(ทำให้ไม่ต้องแบกจนหลังแอ่น) ไฮไลต์เด็ดเป็นการเปลี่ยนโฟกัสทำได้เร็วทันใจ ไม่สะดุด และไม่มีเสียงรบกวนเวลาถ่ายภาพวิดีโอน่าจะช่วยให้มือใหม่ทำอะไรได้มากขึ้นเลย ข้อเสียเป็นรูรับแสงน้อยไม่ตอบโจทย์การถ่ายกลางคืนหรือสภาพแสงน้อย Sigma 10-20 mm ยี่ห้อนี้
Month: March 2018
ช่างภาพเข้าใช้เมมโมรี่แบบไหน
สิ่งหนึ่งที่ทำให้กล้องดิจิตอลได้รับความนิยมเหนือกล้องฟิล์ม จนมันตายไปในที่สุดนั่นคือ ปริมาณการถ่ายภาพที่ทำได้มากกว่าหลายเท่าตัวเลยก็ว่าได้ กล้องฟิล์มอาจจะถ่ายได้เพียงแค่ 30 กว่ารูปต่อครั้งไหนจะค่าฟิล์ม ค่าล้าง ค่าอัดภาพอีก แต่กล้องดิจิตอลตัดเรื่องนั้นไปได้เลย เราเก็บข้อมูลภาพเหล่านั้นด้วย เมมโมรี่ ที่เพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆว่าแต่ช่างภาพเค้าใช้ เมมโมรี่ การ์ดแบบไหนกันมาดู ปริมาณความจุ พูดถึงเมมโมรี่แล้ว ปริมาณความจุ เป็นเรื่องแรกที่หยิบมาก่อนเลย แน่นอนว่าปัจจุบันมีเมมโมรี่ความจุหลากหลายแบบตั้งแต่ 16GB, 32GB, 64GB และในอนาคตคาดว่าจะมีเยอะกว่านี้อีกแม้ว่าควาจุมากขึ้นจะทำให้เก็บภาพได้มากขึ้นก็จริง ในทางกลับกันมันก็เสียเวลาในการอ่านด้วยเช่นกัน ควรเลือกขนาดกลางๆไว้ดีกว่า เราขอแนะนำไปที่ 32GB เหมาะที่สุด หากบันทึกงานละเอียดแบบภาพระดับ 4K อาจจะต้องสำรองไปหลายชิ้นหน่อย ความเร็วในการอ่าน เมมโมรี่การ์ดนั้น ความสามารถในการจุภาพ ข้อมูลต่างๆว่าสำคัญแล้ว การอ่านข้อมูลก็ถือว่าสำคัญเหมือนกัน เนื่องจากเรื่องนี้จะเชื่อมโยงสำหรับการเซฟ การเรียกข้อมูลเวลาลงคอมพิวเตอร์ด้วย ความเร็วในการอ่านมีหลายระดับแต่หากเลือกได้ ระดับUHS-I จะดีหน่อย หรือดีที่สุดต้องเป็น UHS-II สังเกตุง่ายด้านหลังจะมีแถบสีทองสองแถบ อันนี้แหละเร็วแบบทิ้งไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว การถ่ายโอนไวไฟ การถ่ายภาพเดี๋ยวนี้นอกจากถ่ายสวยแล้วยังต้องมีแชร์เพื่อให้โลกรู้ด้วยเหมือนกัน หากเป็นกล้องสมัยใหม่ที่มีระบบไวไฟในตัวก็ดีไปช่วยได้เยอะ แต่ถ้าหากไม่มีการมองหาเมมโมรี่การ์ดที่มีระบบไวไฟในตัวก็จะช่วยได้เช่นกัน เมมโมรี่ แบบนี่ช่วยเรื่องการถ่ายโอนข้อมูลไวไฟก็จริงแต่ว่าความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอาจจะช้าสักหน่อยเพื่อความเสถียรของการถ่ายโอนข้อมูล ยี่ห้อ รุ่นของ เมมโมรี่ การ์ด หากพิจารณาสามขั้นแล้วยังไม่แน่ใจ มาที่เรื่องของยี่ห้อ รุ่น
grip กล้องมีประโยชน์อย่างไร
ตั้งแต่โลกของเราได้เปลี่ยนผ่านจากกล้องฟิล์ม มาเป็นกล้องดิจิตอลแล้ว นอกจากกล้องจะมีการพัฒนาไปเรื่อยๆตามเทคโนโลยีแล้ว อุปกรณ์เสริมเกี่ยวกับกล้องก็มีขึ้นมาเยอะตามไปด้วย เพื่อให้การถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่น grip (กริป) ที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ว่ามันคืออะไร Grip คืออะไร มาทำความรู้จักมันเสียก่อน เจ้า Grip นี้คืออุปกรณ์เสริมสำหรับกล้องดิจิตอล รูปร่างจะคล้ายๆกับแถบอะไรสักอย่างหนาหน่อย โดยมันจะใช้งานด้วยการติดเข้าไปที่ด้านล่างของกล้องแบบ DSLR ด้านในจะเป็นช่องสำหรับใส่แบตเตอรี่เสริมได้สองก้อน หรือบางรุ่นจะเป็นการใส่ถ่าน AA ได้สองก้อนแทน Grip ทำหน้าที่อะไรได้บ้าง อุปกรณ์เสริมตัวนี้ของกล้องดิจิตอลนั้น หลักๆเลยจะทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับกล้องของเราให้ช่างภาพสามารถถ่ายภาพได้นานขึ้นกว่าเดิม จากแบตเตอรี่เพียงแค่ก้อนเดียวอาจจะไม่พอ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองก้อนจะทำให้ใช้งานได้นานขึ้น ยิ่งถ้าใครไปถ่ายงานบางแห่งที่ไม่มีที่ชาร์ตแบตระหว่างทำงานนี่การใช้ Grip จะเป็นตัวช่วยได้ดี ประโยชน์อื่นของ Grip ไม่เพียงแค่เรื่องของแบตเตอรี่ เท่านั้นที่ Grip ช่วยเรา อุปกรณ์เสริมชิ้นนี้ยังช่วยเหลือด้านอื่นให้ช่างภาพด้วย เริ่มจากช่างภาพบางคนมือใหญ่ นิ้วใหญ่ แต่กล้องมันเล็กการติดตั้งกริปก็จะช่วยให้จับได้ถนัดมือมากขึ้น ยิ่งการถ่ายภาพแนวตั้งที่เราต้องยกข้อศอกขึ้นสูงอาจจะทำให้ภาพออกมาไม่สวยได้ แต่หากติดตั้งไปแล้วจะทำให้จับถนัดมือมากกว่าในภาพแนวตั้งรวมถึงการจัดองค์ประกอบภาพแนวตั้งจะไม่เอียงด้วย หรือจะเป็นภาพมุมต่ำที่เราต้องก้มตัวลงจนถึงต้องหมอบการติดตั้ง Grip จะช่วยให้เราถ่ายภาพมุมนี้ได้ดีกว่า สามกล้องมีน้ำหนักมากขึ้นทำให้เราจับได้ถนัดกดชัตเตอร์ได้มั่นคงมากขึ้นภาพสั่นไหวน้อยลง สี่เรื่องของน้ำหนักกริปจะถ่วงน้ำหนักของเลนส์ที่เราติดตั้งนั้นไม่ให้กล้องโน้มไปข้างหน้ามากไป ทำให้น้ำหนักสมดุลนั่นเอง ห้าเรื่องภาพลักษณ์ที่หลายคนบอกว่าติด Grip แล้วมันทำให้ดูเท่ห์ขึ้นกว่าเดิม อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะ ข้อเสียของ Grip อย่างไรก็ตามการติดตั้ง Grip